การติดเชื้อโคโรนาและการเป็นไข้

ในแง่ของความรู้วิทยาศาสตร์ปัจจุบัน

  1. โดยส่วนใหญ่การเจ็บป่วยจากโควิด 19 ซึ่งมาสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสซาร์-โควี2 (SARS-CoV-2) ในกลุ่มเด็ก วันรุ่น ผู้ใหญ่ทีมีสุขภาพดี จะไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง คาดว่าโดยประมาณ 95% ของประชากร จะมีการติดเชื้อและเกิดเป็นภูมิคุ้มกันได้ด้วยตัวเอง
  2. การเป็นไข้ เป็นการตอบสนองของร่างกายโดยธรรมชาติ ปกติไม่ควรทำการลดไข้ เนื่องจากไข้เป็นกระบวนการควบคุมของร่างกายที่ดีซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
  3. แนะนำไม่ควรทำการลดไข้ด้วยยาในผู้ป่วยที่มีอาการไม่หนักและสามารถได้รับการดูแลที่บ้านได้ ถึงแม้ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่สบายตัวบ้างก็ตาม การเป็นไข้มีข้อดีหลายประการ เราควรแยกความแตกต่างระหว่างการลดไข้ในช่วงแรกของโรคและการหยุดไข้ซึ่งบ่งบอกถึงการเกิดการหลั่งสารอักเสบจำนวนมาก หรือเรียกว่าพายุไซโตไคน์ (Cytoline Storm) ดังนั้นการลดไข้ในช่วงพายุไซโตไคน์อาจจะเป็นประโยชน์
  4. การเป็นไข้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปในการติดเชื้อ ดังนั้นผู้ป่วยหรือญาติไม่ควรคาดว่าจะไม่เกิดไข้ระหว่างที่มีการติดเชื้อ ระดับไข้ที่สูงไม่ได้สะท้อนถึงความรุนแรงของการติดเชื้อ แต่เป็นระดับปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ป่วย ซึ่งอาจจะมีไข้ได้สูงถึง 41 องศาเซลเซียส ดังนั้นอาจจะมีไข้สูงได้แม้ว่าในผู้ป่วยโควิดที่อาการรุนแรงมาก 
  5. โดยทั่วไป ในผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง ไข้จะลดลงหลังจากผ่านไป 1-3 วัน เนื่องจาการติดเชื้อจะถูกเอาชนะได้
  6. การลดไข้ ควรใช้ในสถานการณ์ที่จำเป็นเมื่อผู้ป่วยหมดแรงและไม่สามารถต่อสู้กับการเจ็บป่วยจนจบการรักษาได้ หรือเพื่อลดความปวดรุนแรง เช่น ความเสี่ยงต่อระบบไหลเวียนหลอดเลือดหรือทางเดินหายใจลดลง การเผาผลาญสารน้ำลดลง และเกี่ยวข้องการระบบประสาท 
  7. ยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่เสตียรอยด์ เช่น Ibuprofen ซึ่งมีสารต้านการอักเสบมากกว่ายา Acetaminophen อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  8. การอักเสบของอวัยวะหลายส่วน (PIMS/MISC) เกิดขึ้นได้ยากมาก โดยเกิดขึ้น 2-4 สัปดาห์หลังจากการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กอายุ 8-12 ปี มักมีอาการแตกต่างกันมาก อาการทั่วไป ได้แก่ มีไข้สูง อ่อนแรง เฉื่อยชา ง่วงซึม เยื่อบุตาอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองบวม ริมฝีปากแตก ผื่นที่ผิวหนัง ท้องร่วง ปวดท้อง หากอาการแย่ลง เช่น บวมน้ำ หายใจถี่ขึ้น และอัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น โดยการบันทึกอาการและพารามิเตอร์ของเด็กลงใน Application จะช่วยให้ผู้ดูแลสามารถทราบได้ว่านี่เป็นภาวะเร่งด่วนหรือไม่ หรือภาวะนี้เกิดขึ้นชั่วคราวและตอบสนองได้ดีต่อการรักษาฉุกเฉินที่เหมาะสม
  9. ผู้ป่วยสามารถรับความช่วยเหลือทางการแพทย์ หากอาการแย่ลงหรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม สามารถดูวิธีการปฏิบัติตัวได้ทางเว็บไซต์ ข้อปฏิบัตินี้เป็นไปตามกฎระเบียบทางระบาดวิทยาและของรัฐบาลในปัจจุบัน

อัปเดตเวอร์ชัน: 1 มีนาคม 2024

คุณสามารถค้นหาหมายเลขอ้างอิงที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่: ข้อมูลอ้างอิง